วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม 2561 เวลา 13:00-16:00 น. ได้มีโอกาสเข้าร่วมการเสวนาทางวิชาการ เรื่อง “Digital Transformation Towards Smart Nation” ในโครงการอาศรมความคิด อรุณ สรเทศน์ ณ ลานเกียร์ (เปิดโลกลานเกียร์) ร่วมกับการประชุมวิชาการ ITC-CSCC 2018 ณ ห้องประชุมชั้นสอง อาคารเจริญวิศวกรรม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
การเสวนาแบ่งออกเป็นสามช่วงโดยแต่ละช่วงมีรายละเอียดดังนี้
ช่วงที่หนึ่ง “Digital Transformation Cybersecurity / Privacy in Banking and Financial Services / Data Science in Finance”
ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาสำคัญหกประการ ที่จำเป็นต้องรีบวางแนวทางแก้ไข คือ
1. สังคมผู้สูงอายุ
2. โรคภัยและการรักษาโรค
3. ความยากจน
4. การลดลงของประชากร
5. คุณภาพการศึกษาต่ำ
6. มีความเหลื่อมล้ำสูง
แม้ว่าในปัจจุบันเราจะมีสินค้าเกษตรส่งออกเป็นจำนวนมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตเราจะสามารถครอบครองตลาดได้มากขึ้นหรือเท่ากับปัจจุบันที่เป็นอยู่ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ทุกภาคส่วนเริ่มที่จะทำสิ่งเดียวกัน ในการแข่งขันเชิงการตลาด Vision Power จะลดลงเพราะเราทำได้คนอื่นก็ทำได้คู่แข่งเราเยอะขึ้น
ซึ่งในปัจจุบันนี้ถ้าสังเกตหน่วยงานทางธุรกิจที่มีขนาดใหญ่หรือหน่วยงานต่างประเทศจะมีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มมูลค่าหรือแม้กระทั่งเป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนการตลาด
ปัจจุบันลักษณะการดำเนินชีวิตของเด็กเปลี่ยนไป แอพพลิเคชั่นที่เด็กนิยมเข้าถึงสามอันดับแรกได้แก่ YouTube Facebook LINE ผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ซึ่งปัจจุบันคนไทยมีสมาร์ทโฟนกว่า 30,000,000 เครื่อง
การเข้าถึงแอพพลิเคชั่นเหล่านี้ถูกเก็บข้อมูลโดยเจ้าของแอพพลิเคชั่น และนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการวางแผนการตลาดต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่นแอพพลิเคชั่นเครือข่ายสังคมออนไลน์จะเก็บข้อมูลทั้งรูปและไลฟ์สไตล์ ที่เราใช้จากนั้นนำข้อมูลเหล่านี้ไปทำ Data analysis นอกจากนี้เมื่อเราใช้ Account ในการเชื่อมโยงสู่แอพพลิเคชั่นอื่น ๆ ข้อมูลที่เราเก็บเอาไว้จะถูกถ่ายเทออกไปยังเจ้าของแอพพลิเคชั่น ซึ่งสิ่งนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นการเสียอธิปไตยทางไซเบอร์ให้กับเจ้าของแอพพลิเคชั่นอย่างสมบูรณ์
สิ่งที่ประเทศไทยพึงกระทำคือทำให้ประชาชนตื่นตัวมากขึ้นเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวที่ถูกกระจายไปสู่สื่อสังคมออนไลน์โดยไม่ตั้งใจ
รวมทั้งต้องทำให้เกิดความตื่นตัวในการนำความรู้ที่เรียนไปใช้ในการทำงานมากขึ้นเพียงแต่จะใช้เพียงเทคโนโลยีเป็นหลักต้องเข้าใจแก่นของมันแล้วนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือ
ตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้เราเห็นว่าเรายังไม่สามารถใช้เทคโนโลยีได้ดีเท่าที่ควรคือ
การเก็บข้อมูลโดยใช้เอกสาร และการไม่บูรณาการข้อมูลให้เป็นระบบเดียวกัน ทำให้ใช้เวลาวิเคราะห์นานมาก หลายครั้งเมื่อต้องการสารสนเทศในการตัดสินใจ ผู้ตัดสินใจมักได้รับสารสนเทศไม่ครบหรือต้องเสียเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลมาก
และสุดท้ายไม่ควรทำกระบวนการเดิม ๆ ซ้ำ ๆ แต่จำเป็นต้องปรับแต่งกระบวนการทำงาน หรือปรับแม้กระทั่งองค์กร จุดสำคัญของยุคนี้คือการสร้างองค์กรที่อยู่ร่วมกันระหว่างคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่า โดยเอาความสามารถของคนแต่ละรุ่นมาใช้อย่างเหมาะสม
ช่วงที่สอง “ Digital transformation in government and private sector
เวลาทำธุรกิจจำเป็นต้องคำนึงถึง 3 แกนสำคัญ
1. การตลาด โดยเฉพาะพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนไปในยุคปัจจุบัน
2. Product service ว่าควรจะทำอย่างไรจึงจะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้
3. การบริหารคน ปัจจุบันจำเป็นต้องบริหาร talent รวมทั้งพัฒนาคนให้เกิด Design Thinking
ภาครัฐสามารถส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันนี้ได้ด้วยการออกกฏหมาย การเปลี่ยนแปลงการทำงานให้ฉับไว เพิ่มการเรียนรู้ภายในองค์กรและเปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ ให้มากขึ้น
อะไรที่เครื่องจักรสามารถทำได้ดีกว่ามนุษย์ก็ให้ขึ้นจากทำไปแล้วนำมนุษย์ไปใช้ในการคิดเพื่อพัฒนาสิ่งต่างๆให้มากขึ้น
เทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือ สิ่งที่สำคัญกว่าคือการทำความเข้าใจโลกและการเปลี่ยนแปลงก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงโลก
เรียนรู้ให้เยอะทำงานให้หนักและทำงานอย่างฉลาด
ความสำเร็จขององค์กรมาจาก องค์กรมีคนที่ใช่ มีองค์ประกอบภายในพร้อม และมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
เราไม่จำเป็นต้องเป็นสตาร์ทอัพที่เริ่มจากศูนย์ แต่ต้องรู้จักบริหารจัดการให้เป็น
จุดสำคัญที่สุดคือการบริหารคน เพราะคนมีความรู้สึก
วิธีการที่ดีที่สุด คือ ต้องทำให้คนในองค์กรมีความเชื่อว่าสิ่งที่ทำมีความสำคัญและมองภาพเดียวกัน
โดยเทคโนโลยีจะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการนำไปใช้เพื่อพัฒนา เช่นอาจจะเป็นเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูลหรืออาจจะเป็นเครื่องมือในการความสะดวก แต่หน้าที่การบริหารจัดการและดูแลของภาครัฐและเอกชนต้องมาจากคน
ช่วงที่สาม “ Digital transformation in learning”
ในปัจจุบันสามารถเรียนรู้ได้ผ่านสื่อเทคโนโลยีที่หลากหลายยกตัวอย่างเช่นการเรียนรู้ด้วย การสืบค้นผ่าน Google หรือการเรียนผ่าน YouTube
นอกจากนี้ยังมีรูปแบบการเรียนอีกแบบหนึ่ง ที่เรียนและวัดผลผ่านระบบออนไลน์ซึ่งในประเทศไทยมีหลายหน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนที่จัดการเรียนรู้ด้วยวิธีนี้
โดยหลักการทั่วไปคือการวางคอร์สออนไลน์จากนั้นให้ผู้เรียนลงทะเบียนเรียนตามคอร์สที่ผู้เรียนต้องการเรียนเมื่อผู้เรียนเรียนจนครบและทดสอบผ่าน ก็จะสามารถรับวุฒิบัตรการเรียนได้ ซึ่งระบบการพิมพ์แบบนี้มีมากมายในต่างประเทศตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด เป็นต้น
ในการอบรมครูก็เคยใช้วิธีนี้ผ่านระบบ UTQ หรือ TEPE online ซึ่งโดยพื้นฐานเป็นระบบที่ดีแต่ครูอาจจะไม่ได้เข้าใช้ระบบนี้อย่างถูกต้องตามวัตถุประสงค์
สิ่งสำคัญในการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนสู่ยุคดิจิตอลคือการเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนสามารถที่จะปรับตัวสู่โลกอนาคตได้
อย่างแรก ต้องพัฒนาภาวะผู้นำของผู้เรียน การพัฒนาภาวะผู้นำจะทำให้นักเรียนสามารถเติบโตขึ้นและมีวุฒิภาวะที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่นมีคำกล่าวว่า ผู้นำที่ดีต้องสามารถนำคนเก่งมาทำงานได้ ซึ่งจะเป็นแนวทางสำคัญที่สุดในการทำให้องค์กรประสบความสำเร็จแต่สิ่งที่ยากขึ้นคือหลังจากได้รับคนเก่งมาทำงานแล้วจะบริหารจัดการความเก่งนั้นอย่างไรทั้งหมดนี้ต้องอาศัยภาวะผู้นำเท่านั้น
และอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการหาจุดมุ่งหมายหรือหาตัวตนของผู้เรียนให้เจอ ในปัจจุบันนี้คำถามที่ตอบยากที่สุดคำถามหนึ่งคือโตขึ้นนักเรียนเรียนแล้วต้องการเป็นอะไรหากไม่มีจุดมุ่งหมายการบริหารจัดการความสามารถตรงนี้ก็จะเกิดขึ้นได้ยากถึงเวลาที่เราต้องพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับ talent management อย่างจริงจัง รวมทั้งต้องปลูกฝังการทำงานเป็นทีมให้กับคนเก่งอีกด้วย
ตัวอย่างที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือความสำเร็จของ Amazon ที่มีพื้นฐานมาจากความคิดที่ว่าคนใหม่ที่จะเข้ามาจะต้องทำให้ทีมดีขึ้นเท่านั้น จากความคิดพื้นฐานดังกล่าวและภาวะผู้นำของผู้นำองค์กรจึงทำให้ผลประกอบการสูงขึ้นตามลำดับ
สำหรับบริษัทอื่นๆที่ประสบความสำเร็จในโลกมีวิธีในการบริหารจัดการคนเก่งแตกต่างกันแต่ที่สำคัญอย่างหนึ่งคือทำให้เกิดการเรียนรู้ภายในองค์กรร่วมกันจากความเก่งของบุคคลดังกล่าวดังนั้นการจัดการศึกษาจึงจำเป็นต้องให้นักเรียนร่วมแบ่งปันสิ่งต่างๆเพราะในยุคปัจจุบันไม่ใช่ยุคของการทำงานเพียงลำพังคนเดียว
นอกจากนี้ยังจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิตเพราะการเรียนรู้ อยากไม่มีที่สิ้นสุดจะทำให้เกิดการต่อยอดรซึ่งจะนำไปสู่นวัตกรรมใหม่ใหม่ได้
กล่าวโดยสรุปก็คือผู้เรียนจะต้องหาศักยภาพของตนให้เจอ ต้องมีวิธีการจัดการเรียนรู้อย่างเหมาะสมต้องต้องทำงานเป็นทีมมีภาวะผู้นำและเรียนรู้ตลอดชีวิตจึงจะสามารถอยู่รอดได้ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้
โลกในปัจจุบันนี้เป็นโลกที่มีเศรษฐกิจอยู่บนพื้นฐานของมูลค่า แต่ในปัจจุบันประเทศของเรายังไปไม่ถึงเราไม่สามารถเพิ่มมูลค่า ให้กับผลิตภัณฑ์ที่เรามีให้มีค่าสูงขึ้นและซึ่งต่างกับ ต่างประเทศที่สามารถเปลี่ยนความคิดหรือทรัพยากรที่เดิมไม่มีค่าให้มีมูลค่าสูงอย่างมาก
เราอาจจะต้องการการศึกษาที่ตอบโจทย์ระดับชาติตอบโจทย์สังคมและตอบโจทย์การแข่งขันในระดับนานาชาติ
นอกจากนั้นเรายังต้องจัดการปัญหาภายในซึ่งปัญหาสำคัญที่สุดคือความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
แนวทางแก้ไขสำคัญอย่างหนึ่งที่อาจทำให้เป็นรูปธรรมได้ง่ายที่สุดคือการที่ครูผู้ปกครองและนักเรียนทำงานร่วมกันในพัฒนาด้านการศึกษา
วิธีการหนึ่งที่อาจจะง่ายที่สุดคือการสร้างความเข้าใจให้คุณครูนำสิ่งเหล่านี้ไปสู่ห้องเรียนและขยายผลต่อไปยังชุมชนและผู้ปกครอง
แต่อย่างไรก็ตามในระดับนโยบายจำเป็นต้องกำหนดให้ชัดเจนว่า Learning outcome คืออะไรจึงจะนำไปสู่ความสำเร็จของการปฏิรูปได้เพราะที่ผ่านมาจุดมุ่งหมายตรงนี้ไม่ชัดเจน
Learning outcome ต้องจับต้องได้และต้องสอดคล้องกับสิ่งที่ประเทศต้องการ
เราต้องเปลี่ยนบทบาทและคุณค่าของผู้เรียน ผู้สอน สถาบันการศึกษา แล้วค่อยถามถึงเทคโนโลยี ให้ทุกระดับทำงานร่วมกันอย่างจริงจังเพราะเทคโนโลยีเป็นแค่เครื่องมือหนึ่งเท่านั้น
เราต้องพัฒนา Skill set Mind set และใช้ เงินลงทุนให้เหมาะสม
รูปแบบและวิธีการเรียนรู้จะต้องเป็นรายบุคคลไม่จำกัดเวลานอกจากนั้นต้องเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทั้งทางด้านกายภาพและด้านดิจิตอล
ต้องเปิดโลกของผู้เรียนอย่างสม่ำเสมอให้ผู้เรียนมีความถนัดในตัวเองและสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่จะทำให้ผู้เรียนรู้จักตั้งคำถามที่เป็นคำถามที่นำไปสู่การค้นพบใหม่
นอกจากนี้ครูจำเป็นต้องใช้ข้อมูลของผู้เรียนรายบุคคลเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาผู้เรียนอย่างเหมาะสม
Comments
Post a Comment